Asian Development Bank (ADB)
หรือ
ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย

ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank) เรียกย่อๆ ว่า เอดีบี (ADB) เป็นสถาบันการเงินที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนระบบเศรษฐกิจ และการพัฒนาของประเทศแถบเอเชียและแปซิฟิก ผ่านการให้เงินกู้ และความสนับสนุนด้านเทคนิค ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2509 โดยความช่วยเหลือของสหประชาชาติ มีประเทศเข้าร่วมก่อตั้ง 32 ประเทศ โดยที่ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง จนถึงปัจจุบัน มีประเทศสมาชิกทั้งสิ้น 67 ประเทศ เป็น 48 ประเทศในภูมิภาค และ 19 ประเทศจากพื้นที่อื่น
ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชียมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ในแต่ละปีได้ให้ความช่วยเหลือด้านเงินกู้เป็นเงินประมาณ 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยแต่ละโครงการมีมูลค่าประมาณโครงการละ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ใช้เงินทุนจากการลงทุนพันธบัตรในตลาดการเงินต่างๆ
โครงการเงินกู้ ADB หรือ โครงการเงินกู้ ธนาคารพัฒนาเอเชีย เป็นเงินกู้เพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างด้านการเงิน และ มีไว้สำหรับโครงการ ด้านสาธารณูปโภค การศึกษาและการฝึกอบรม โครงการด้านสิ่งแวดล้อม และเป็นธนาคารที่ให้เงินกู้แก่ประเทศในทวีปเอเชีย


รูปภาพ ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย ในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์
วัตถุประสงค์หลักของธนาคารพัฒนาเอเชีย
คือมุ่งให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศสมาชิก บรรเทาปัญหาความยากจน พัฒนาภาคสังคมและส่งเสริมธรรมาภิบาล สำหรับกรอบการดำเนินการในระยะยาว (ปี 2544 - 2559)ธนาคารพัฒนาเอเชียได้วางนโยบายหลักเกี่ยวกับการพัฒนาภาคเอกชน ความร่วมมือในระดับภูมิภาค และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนโดยธนาคารพัฒนาเอเชียจะให้ความช่วยเหลือในรูปแบบเงินกู้ ค้ำประกันเงินกู้ และความช่วยเหลือวิชาการ
ปี 2545 ธนาคารพัฒนาเอเชียมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 3,465,669 หุ้น เป็นเงิน 47,596.80 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นทุนที่ชำระแล้วจำนวน 3,347.66 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยประเทศไทยถือหุ้นในธนาคารพัฒนาเอเชียถือหุ้นในธนาคารจำนวน 48174 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 1.382 % ของจำนวนหุ้นทั้งหมดและประเทศไทยเป็นผู้ถือหุ้นสูงเป็นอันดับที่ 17 ของประเทศสมาชิกทั้งหมด หรืออันดับที่ 11 ของประเทศผู้ถือหุ้นในภูมิภาค มีมูลค่าทุนทั้งหมด 652.56 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าหุ้นที่ชำระแล้ว 45.70 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ ประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐฯ เป็นผู้ถือหุ้นสูงสุดในสัดส่วนเท่ากันคือร้อยละ 13.092 ของหุ้นทั้งหมด
เงินทุนของธนาคารพัฒนาเอเชีย ได้มาจาก
(1) เงินทุนสามัญ ประกอบด้วย
- เงินค่าหุ้นจากประเทศสมาชิก
- เงินที่ธนาคารพัฒนาเอเชียกู้ยืมหรือระดมทุนจากตลาดเงินทุนระหว่างประเทศ
- เงินรายได้สุทธิจากการดำเนินงานของธนาคาร
(2) เงินกองทุนพิเศษ ประกอบด้วย เงินจาก
- กองทุนพัฒนาเอเชียซึ่งให้เงินกู้ลักษณะผ่อนปรนสูงแก่ประเทศกำลังพัฒนาที่ยากจน
- กองทุนพิเศษเพื่อช่วยเหลือด้านวิชาการและกองทุนพิเศษของประเทศญี่ปุ่น เพื่อสนับสนุนการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการแบบให้เปล่า
สำนักงานผู้แทนของธนาคารพัฒนาเอเชีย
ปัจจุบันธนาคารพัฒนาเอเชียได้จัดตั้งสำนักงานผู้แทนกระจายไปตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก จำนวน 16 แห่ง ได้แก่ อัฟกานิสถาน บังคลาเทศ กัมพูชา จีน อินเดีย อินโดนีเซีย คาซัคสถาน คีร์กิช ลาว มองโกเลีย เนปาล ปากีสถาน ศรีลังกา ทากิชสถาน และเวียดนาม
และเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2543 คณะกรรมการบริหารธนาคารพัฒนาเอเชียได้อนุมัติในหลักการให้จัดตั้งสำนักงานผู้แทนของธนาคารพัฒนาเอเชียในประเทศไทย
ความสัมพันธ์ระหว่างธนาคารพัฒนาเอเชียกับประเทศไทย
1. ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีสมาชิกในความตกลงว่าด้วยการสถาปนาธนาคารพัฒนาเอเชีย เมื่อปี 2509 และมีการออกพระราชบัญญัติให้อำนาจปฏิบัติการเกี่ยวกับธนาคารพัฒนาเอเชีย พ.ศ.2509 เพื่อให้อำนาจรัฐบาลปฏิบัติการเกี่ยวกับธนาคารพัฒนาเอเชียตามข้อผูกผัน ซึ่งประเทศภาคีสมาชิกจะต้องปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว เพื่อให้รัฐบาลมีอำนาจถือประโยชน์จากการเป็นภาคีสมาชิกด้วย
2. ธนาคารพัฒนาเอเชียได้เริ่มให้ความช่วยเหลือกับประเทศไทยตั้งแต่ปี 2511 ในรูปต่างๆ ได้แก่ เงินกู้สำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจต่างๆ เช่น ด้านสาธารณูปโภค พลังงาน คมนาคม การเกษตร เป็นต้น ความช่วยเหลือทางวิชาการแบบให้เปล่า และเงินกู้ที่ให้กับภาคเอกชน
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 ธนาคารพัฒนาเอเชียได้ให้เงินกู้และความช่วยเหลือกับประเทศไทยเป็นเงิน 5.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีโครงการเงินกู้จาก ADB ประมาณ 80 โครงการ
ความช่วยเหลืออื่นๆ ที่ธนาคารพัฒนาเอเชียให้แก่ประเทศไทย
1. ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2542 ประเทศไทยไม่ได้กู้ยืมเงินจากธนาคารพัฒนาเอเชีย อย่างไรก็ตาม ธนาคารพัฒนาเอเชียได้ให้การสนับสนุนการพัฒนาประเทศไทยและความร่วมมือในระดับภูมิภาค(ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2543 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2546) ธนาคารพัฒนาเอเชียให้ความช่วยเหลือทางวิชาการกับประเทศไทยทั้งสิ้น 16 โครงการ รวมเงินทั้งสิ้น 6.2 ล้านเหรียญสหรัฐ
2. การสนับสนุนโครงการความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยรัฐบาลไทยได้รับความช่วยเหลือทางวิชาการจาก ADB ในการทำการศึกษาความเป็นไปได้ในระยะเริ่มต้น และการดำเนินการส่วนใหญ่ตามโครงการดังกล่าวจะเป็นความร่วมมือของประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงในการสร้างระบบคมนาคมเชื่อมโยงประเทศในอนุภูมิภาค มีโครงการที่ดำเนินการแล้วทั้งสิ้น 78 โครงการวงเงิน 887 ล้านเหรียญสหรัฐ และเงินช่วยเหลือทางวิชาการ 63 โครงการ วงเงิน 42.4 ล้านเหรียญสหรัฐ
3. การให้ความช่วยเหลือผ่านกรมวิเทศสหการ เพื่อเสริมสมรรถนะของหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ สถาบันนานาชาติเพื่อการค้าและการพัฒนาสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียและสถาบันลุ่มแม่น้ำโขงที่จังหวัดขอนแก่น


Chair of ADB Chidambaram Palaniappan (indian)
แหล่งข้อมูล:
http://www.adb.org/
http://th.wikipedia.org/wiki/
http://www.gotoknow.org/posts/38881
http://www.9bkk.com/article/education/adb.html
http://www.mcot.net/site/content?id=50a9c512150ba0b172000073
แหล่งข้อมูล:
http://www.adb.org/
http://th.wikipedia.org/wiki/
http://www.gotoknow.org/posts/38881
http://www.9bkk.com/article/education/adb.html
http://www.mcot.net/site/content?id=50a9c512150ba0b172000073
จัดทำโดย
นาย ภาณุวิทย์ ปุญญฤทธิ์
ม.5 ห้อง 947 เลขที่ 26
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
กรุงเทพมหานคร